🔻S ซูชิขั้นพื้นฐาน: เหมาะสำหรับทำทานเอง/ครอบครัว เพิ่มทักษะ ประหยัดค่าใช้จ่าย
🔻คอร์สครัวร้อน: เหมาะสำหรับท่านที่ต้องการที่สนใจเมนูครัวร้อนได้เรียนเมนูขายดีครบครันทุกหมวดหมู่ ย่าง, ต้ม, ผัด, ทอด
🔻M ซูชิ/แล่ปลาขั้นพื้นฐาน: เหมาะสำหรับเปิดร้านขนาดเล็ก โต็ะไม่เยอะ เน้นขายซูชิ~ซาชิมิ
🔻คอร์สเทปันยากิ : เหมาะสำหรับท่านที่สนใจเมนูสไตล์เทปันยากิกะทะร้อนต่างๆได้เรียนเมนูขายดี เช่น สเต็กต่างๆ หมู, เนื้อ, ไก่, กุ้ง ผัดผัก เป็นต้น
🔻M+ (แล่ปลาSalmon เจาะลึกฉบับPro): เหมาะสำหรับเปิดร้านเน้นขายเมนู Salmon สอนแล่ได้เรียนแล่ทุกส่วน สอนทำเมนูยอดฮิต
🔻T ขึ้น-แล่ปลาไทยนาๆชนิดตามฤดูกาล : เปิดร้านเน้นขายเมนูปลาไทยที่กำลังเป็นกระแสตอนนี้ สอนแล่ทุกส่วน
🔻I: เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเรียนเพื่อทำงานร้านอาหารญี่ปุ่นในต่างประเทศ ได้รับใบประกาศภาษาอังกฤษ 2 ใบ
🔻L จับมือเรียน0-100 สุดคุ้ม: เหมาะสำหรับเปิดร้านอาหารขนาดกลางขึ้นไป ทั้งในไทย/ต่างประเทศ เหมือนซื้อแฟรนไชส์หลักแสนในราคาหลักหมื่น สอนคำนวณต้นทุน บอกแหล่งซื้อวัตถุดิบราคาต้นน้ำ
ตอบ: ปกติทางเราจะเป็นแบบ Private Classจับมือสอนตัวต่อตัว โดยจะมีนักเรียน1ท่านต่ออาจารย์ผู้สอน1ท่านเท่านั้น เนื่องด้วยทางเราใส่ใจและให้ความสำคัญความเข้าใจของนักเรียนเป็นหลัก และการที่มุ่งเน้นให้นักเรียนได้ลงมือทำปฏิบัติจริงเพื่อประโยชน์สูงสุด
และแบบ Private Group ค่ะ เป็นการเรียนแบบจับมือสอน รับสูงสุดไม่เกิน 3 ท่าน
กรณีมาเรียนพร้อมกัน วัตถุดิบและอุปกรณ์ (แยกต่อท่าน ไม่ใช้ร่วมกัน)
ตอบ: สามารถสมัครเรียนได้ทุกคอร์สเลยค่ะ
✅ไม่เคยมีประสบการณ์
✅ทำอาหารไม่เป็น
✅ไม่มีพื้นฐานมาก่อน
✅ไม่ต้องเป็นกังวลสามารถเรียนได้สบายๆ เนื่องจากเราเป็นPrivate class คอร์สสอนตัวต่อตัวจับมือเรียนทุกขั้นตอนนะคะ
✅ฟรีจัดส่งคลิปVideoวิธีการทำให้ทุกขั้นตอน นักเรียนสามารถใช้ดูทบทวนลองฝึกทำย้อนหลังได้ตลอด
✅คอร์สMขึ้นไปปรึกษาฟรีหลังเรียน เหมือนมีที่ปรึกษาส่วนตัว
Step by step ค่ะ
ตอบ: 🔻สามารถเลื่อนวันเรียน หรือ เปลี่ยนผู้เรียนได้ฟรี1ครั้ง (รบกวนแจ้งล่วงหน้า7วัน)
🔻 หลังจองสมัครเรียนแล้ว ไม่สามารถยกเลิกเรียนได้ทุกกรณีค่ะ (รบกวนนักเรียนพิจารณาและตัดสินใจก่อนสมัครเรียนทุกครั้งนะคะ)
ตอบ: โครงการ Premier Place ก่อนถึง แม็คโคร ศรีนครินทร์ ติดถนนใหญ่
✅เดินทางสะดวกติดBts 🚝 สถานี “ศรีลาซาล”
✅จอดรถฟรี ลานจอดรถกว้าง🚘
เรียนคอร์สครัวร้อนขึ้นไป เรียนจบได้รับใบประกาศนียบัตร(ภาษาอังกฤษใช้ได้worldwide) สามารถนำแบบเป็นเอกสารประกอบการทำวีซ่าหรือเป็นเอกสารสมัครงานได้ค่ะ
ใบประกาศมี7แบบ
✅แบบที่1 คอร์สI -ทำงานร้านอาหารในต่างประเทศ
🔻 ได้รับใบประกาศ ถึง2ใบ🎉
➖ ใบประกาศษณียบัตรหลักสูตรทำงานร้านอาหารต่างประเทศ
➖ใบอบรมหลักสูตรอาหารญี่ปุ่น
⏰เรียน1วัน (6ชม.)
✅แบบที่2 คอร์สM -หลักสูตรซูชิ+แล่ปลาขั้นพื้นฐาน
⏰เรียน1วัน (5ชม.)
✅แบบที่3 คอร์สM+ (ขึัน-แล่ปลาSalmon เจาะลึกฉบับPro)
⏰เรียน1วัน (5ชม.)
✅แบบที่4 คอร์สครัวร้อน
⏰เรียน1วัน (5ชม.)
✅แบบที่5 คอร์สเทปันยากิ
⏰เรียน2วัน (8ชม.)
✅แบบที่6 คอร์สT ขึ้น-แล่ปลาไทยนาๆชนิดตามฤดูกาล
⏰เรียน2วัน (12ชม.)
✅แบบที่7 คอร์สL -หลักสูตรจับมือสอน(0-100) สอนตั้งแต่Basic -Advance
⏰เรียน4วัน (15ชม.)
ตอบ: มีแนะนำโรงแรมใกล้กับคลาสเรียนค่ะ สะดวกในการเดินทางมาเรียนคะ😊
เราต่างรู้จัก ซูชิ ในฐานะหนึ่งในอาหารประจำชาติของญี่ปุ่น ทำจากข้าวและท็อปปิ้งซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นปลาดิบหรืออาหารทะเลชนิดอื่น ๆ รวมไปถึงไข่และสาหร่าย Cooking School VIPจะพาไปรู้จักซูชิกันให้มากขึ้นอีก
ต้นกำเนิดของซูชิที่เรารู้จักนั้นเริ่มมาจากความต้องการที่จะถนอมอาหารของคนญ๊่ปุ่่น เริ่มต้นจากวัฒนธรรมการหมักปลาที่ได้รับอิทธิพลมาจากประเทศริมฝั่งแม่น้ำโขงทางฝั่งตะวันออกเฉียงใต้นี่เอง และภายหลังก็ได้รับการพัฒนารูปแบบมาเรื่อย ๆ จนเกิดเป็นซูชิที่มีหน้าตาและลักษณะที่หลากหลายขึ้นและเป็นที่รู้จักในฐานะอาหารประจำชาติของญี่ปุ่นในที่สุด ส่วนซูชิจะมีทั้งหมดกี่ประเภทนั้นตามมาดูกันเลย
🍣 Nigiri Sushi (นิกิริซูชิ)
เป็นการนำเอาข้าวหมักกับน้ำส้มสายชูปั้นด้วยฝีมือของเชฟให้ได้เป็นรูปทรงคล้ายวงรีขนาดพอดีคำแล้วท็อปปิ้งด้วยเนื้อปลาดิบ โดยข้าวและปลาจะต้องมีความสมดุลกันเพื่อให้ได้รสชาติของซูชิที่ดีที่สุด แม้จะดูเหมือนง่ายแต่ความจริงแล้วนี่เป็นศาสตร์การทำอาหารที่ต้องใช้เวลาในการฝึกฝนยาวนานมากเลยนะ แต่ไม่ต้องกังวลหากมาเรียนกับเราจะจับมือสอนตั้งแต่พื้นฐานกันเลยทีเดียว
🍣 Maki Sushi (มากิซูชิ)
อีกหนึ่งซูชิที่ได้รับความนิยมจากชาวไทยไม่แพ้นิกิริซูชินั่นก็คือมากิซูชิ หรือในภาษาอังกฤษคือ Sushi Roll (ซูชิโรล) นั่นเอง เจ้าซูชิประเภทนี้เป็นซูชิที่เกิดจากวัฒนธรรมการกินซูชิที่แพร่หลายเข้าไปสู่ประเทศสหรัฐอเมริกาจึงทำให้เกิดการปรับเปลี่ยนรูปแบบของซูชิให้เข้ากับวัฒนธรรมการกินอาหารของชาวตะวันตกด้วยการม้วนซูชิให้เป็นโรลนั่นเอง ทีนี้ก็รู้แล้วใช่มั้ยล่ะว่า ‘แคลิฟอร์เนียโรล’ ที่ถือเป็นเมนูยอดฮิตในร้านอาหารญี่ปุ่นนั้น ซึ่งนักเรียนจะไม่พลาดแน่นอนทางเรามีสอน
🍣 Temaki Sushi (เทมากิซูชิ)
ซูชิรูปทรงกรวย ถือเป็นซูชิที่ได้รับวัฒนธธรรมมาจากประเทศสหรัญอเมริกาเช่นเดียวกับมากิซูชิในเรื่องความสะดวกในการกิน เชฟจะห่อข้าว ผัก และปลาดิบให้เป็นรูปกรวยโดยมีสาหร่ายแผ่นห่ออยู่ด้านนอกสุด สามารถถือกินได้ทุกที่เพื่อความสะดวก ในภาษาอังกฤษจะเรียกซูชิประเภทนี้ว่า Hand Roll
🍣 Gunkan Sushi (กุงกังซูชิ)
เป็นซูชิที่ใช้สาหร่ายห่อข้าวไว้แล้วท็อปปิ้งด้านบนด้วยซูชิหน้าต่าง ๆ ส่วนใหญ่จะเป็นหน้าที่ไม่สามารถท็อปปิ้งบนนิกิริได้อย่างเช่น ไข่หอยเม่น ไข่ปลาแซลมอน หรือสลัดต่าง ๆ ทำให้ต้องใช้สาหร่ายเพื่อพยุงเอาไว้ และด้วยลักษณะคล้ายเรือแบบนี้เองทำให้มันได้ชื่อว่ากุงกังซูชิที่มีความหมายว่าเรือรบนั่นเอง ในคลาสเรียนนักเรียนจะได้เรียนหลากหลายหน้าท็อปปิ้งกันเลยทีเดียว
หากต้องการจะเปิดร้านอาหารญี่ปุ่น โดยเฉพาะร้านซูชิ ทักษะหนึ่งที่สำคัญเลยก็คือการแล่เนื้อปลาให้สวยงาม ไม่ให้ช้ำหรือเละ แต่วิธีการแล่เนื้อปลาที่ดีนั้นจะต้องประกอบไปด้วยอะไรบ้าง มาดูกันเลย
🔻 ตรวจสอบความสดของปลา
เริ่มแรกให้ดูเหงือกปลาว่าเป็นสีแดงสดมั้ย ถ้าเป็นสีแดงสด แปลว่าปลานั้นยังสดอยู่ ถ้าเป็นปลาที่กรีดเปิดไส้มาแล้ว ก็ให้เปิดดูว่าเครื่องในยังสดหรือเปล่า และอีกวิธีสังเกตง่ายๆ เลยก็คือการดูตาปลา ถ้าตาปลาเหมือนมีต้อขาวๆ ขุ่นๆ แปลว่าปลาไม่สด ส่วนถ้าใครซื้อปลาแช่แข็งมา ให้เอาปลาแช่แข็งทั้งถุงละลายลงในน้ำ ปล่อยให้น้ำผ่านไม่เกิน 10 นาที หลังจากนั้นค่อยแกะปลาออกจากถุง นำมาขอดเกล็ดและล้างภายในภายนอกให้สะอาด เตรียมแล่ได้เลย
🔻 เตรียมมีดให้เหมาะสม
การจะแล่เนื้อปลาที่ดีนั้น เราจะขาดอุปกรณ์ที่ดีอย่างมีดไปไม่ได้เลย สิ่งที่แน่นอนอยู่แล้วคือมีดต้องคม แต่นอกจากความคมแล้วยังต้องเลือกให้เหมาะสมกับการใช้งาน หากต้องการจะชำแหละปลาทั้งตัวให้เป็นชิ้นๆ หรือเลาะออกจากก้างก็ควรใช้มีดเดบะ ที่มีสันหนา ลักษณะอ้วน ป้อม มีความคมปานกลาง เพราะถ้าหากมีความคมสูง เมื่อหั่นเนื้อปลาแล้วเจอก้างหรือกระดูกก็อาจเกิดการปะทะและทำให้เสียคมง่าย แต่ถ้าต้องการจะแล่เนื้อปลาให้เป็นชิ้นพอดีคำเพื่อทำซาชิมิหรือซูชิ ก็ต้องใช้มีดยานากิบะ ที่เป็นมีดคมเดียว ใบมีดค่อนข้างผอม รูปทรงเรียวยาว ปลายแหลม มีด้ามจับยาวถนัดมือ มีความคมสูง โดยคมมีดจะช่วยถนอมเนื้อปลาไม่ให้แตก ไม่ให้ช้ำ คงความสมบูรณ์แบบเอาไว้ได้มากที่สุด ซึ่งมีดนี้สามารถแล่เนื้อปลาได้ตั้งแต่ปลาตัวใหญ่ๆ ประมาณ 5 กิโลกรัมขึ้นไป ไปจนถึงปลาตัวเล็กๆ ก็ยังได้ ไม่จำเป็นต้องซื้อมีดหลายแบบ
🔻 ชำแหละเนื้อปลาออกเป็นส่วน
ขั้นตอนแรกให้ตัดหัวปลาก่อน โดยการตัดหัวปลาจะเริ่มตัดตั้งแต่ใต้ครีบบน หรือใต้เหงือกปลา ต่อไปก็ให้ตัดครีมท้องออก โดยตัดทวนเกล็ดปลา จากด้านหลังมาด้านหน้า จากนั้นก็แล่กลางลำตัวปลาโดยให้ใบมีดวางนาบติดกระดูก เสร็จแล้วเลาะกระดูกออก ตามด้วยแล่ส่วนท้องปลา และใช้แหนบดึงก้างปลาเล็กๆ ออกไปจนหมด เมื่อเหลือเฉพาะส่วนเนื้อปลา ก็ให้แบ่งเนื้อปลาเป็น 3 ส่วน ได้แก่ส่วนหาง ส่วนกลาง และส่วนบน ซึ่งแต่ละส่วนจะใช้ประกอบอาหารแตกต่างกัน
🔻 จับมีดให้ถูกวิธี
เมื่อเราจะแล่เฉพาะส่วนเนื้อ ให้เริ่มจากใช้นิ้วกลาง นิ้วนาง และนิ้วก้อย จับที่ด้ามมีด นิ้วชี้อยู่ที่สันมีดเพื่อออกแรงกดมีดในการแล่ปลา เมื่อแล่ปลาให้เอียงมีดประมาณ 60 องศา โดยเริ่มวางมีดจากด้ามแล้วแล่ยาวจากโคนมีดไปปลายมีด ห้ามใช้แรงกด ไม่อย่างนั้นเนื้อปลาจะช้ำและเละ ควรใช้วิธีการเฉือนแทน
🔻 ยืนให้ถูกท่า
การยืนแล่ปลาก็ต้องยืนให้ถูกต้อง โดยยืนเอียงตัวเพื่อที่จะสามารถเอียงมีดได้ แขนควรแนบกับลำตัว จะทำให้การแล่ปลาสามารถทำได้ง่ายขึ้น ชิ้นปลาจะสวยงาม เทคนิคเพิ่มเติมในการแล่ปลาคือต้องสังเกตดูลายเนื้อปลาแล้วแล่ตามขวางของลายเนื้อปลาจะได้ชิ้นปลาที่ลายสวย เนื้อนุ่ม
เมื่อรู้เคล็ดลับ💡(ที่ไม่ลับ)แล้วสามารถนำไปลองทำดูกันได้นะครับ หากลองทำแล้วรู้สึกมันยากและไม่อยากลองผิดลองถูก เนื่องด้วยในปัจจุบันราคาวัตถุดิบเนื้อปลาราคาค่อนข้างแพงขึ้น เปิดใจมาเรียนกับทีมอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญCooking School VIPได้นะครับผม ที่จะจับมือสอนคุณตั้งแต่ขั้นพื้นฐานไปจนถึงแบบเจาะลึกทุกกระบวนการขั้นสูงกันเลย👨🍳